แมวเบงกอลเป็นแมวที่มีลวดลายสวยงาม คล้ายลูกเสือดาวตัวน้อย ๆ คาดกันว่า แมวเบงกอลเกิดจาการผสมพันธุ์ระหว่างแมวดาวกับแมวบ้านสายพันธุ์อียิปต์เชียนมัวร์ (Egyptian Mau) ซึ่งเป็นแมวอียิปต์โบราณ ที่มีโครงสร้างเป็นลายจุด ลักษณะคล้ายแมวป่า โดยถูกนำมาพัฒนาสายพันธุ์ ด้วยฝีมือของ Jean Mills หญิงสาวชาวอเมริกัน ที่หลงใหลคลั่งไคล้ในลวดลายของแมวป่า พร้อมกับตั้งชื่อของมันตามชื่อวิทยาศาสตร์ของแมวป่าที่เรียกกันว่า Felis Bengolensis
แมวเบงกอลเป็นแมวขนาดปานกลางถึงค่อนข้างใหญ่ หัวมีความยาวมากกว่าความกว้าง เช่นเดียวกับรูปร่างที่มีลักษณะเพรียวยาว เห็นมัดกล้ามเนื้อชัดเจนคล้ายแมวป่า เมื่อมองจากด้านข้างจะเห็นว่า ช่วงสะโพกมีความสูงกว่าหัวไหล่ ปลายหางชี้ลง ใบหูกลมสั้น ตารูปไข่ มีช่วงปากกับจมูกกลมกว่าแมวบ้าน และมีจุดเด่นอยู่ที่ลายขนคล้ายแมวป่า หรือที่เรียกกันว่า ลายหินอ่อน ถึงแม้จะสืบสายพันธุ์มาจากแมวป่า แต่พวกมันกลับมีนิสัยน่ารักไม่ดุร้ายอย่างที่คิด แถมยังเป็นมิตรกับทุกคนเสียด้วย นอกจากนี้แมวเบงกอลยังเป็นแมวที่ซุกซน เพราะชอบวิ่งไล่สิ่งของต่าง ๆ รวมทั้งชอบปีนป่ายขึ้นที่สูงอยู่เป็นประจำ ที่สำคัญแมวพันธุ์นี้ชอบเล่นน้ำเอามาก ๆ
การเลี้ยงดูแมวเบงกอล
การเลี้ยงดูแมวเบงกอลก็เหมือนกับการดูแลแมวทั่วไป แต่ถ้าอยากให้มันมีสุขภาพดีและมีขนที่สวยงาม ควรใส่ใจในเรื่องอาหารเป็นพิเศษ โดยต้องเพิ่มเมนูเนื้อวัวสดจากอาหารที่กินเป็นประจำ ซึ่งเนื้อสดที่ให้ก็ต้องผ่านการเก็บรักษาด้วยการแช่แข็ง เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อรากับแบคทีเรีย และห้ามให้เนื้อไก่หรือเนื้อหมูโดยเด็ดขาด
วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2558
วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2558
9.แมวเมนคูน(Main coon)
แมวเมนคูนเป็นแมวที่มีร่างกายที่ใหญ่โตกว่าแมวปกติ จนได้รับสมญานามว่า Gentel Giant ชื่อของแมวสายพันธุ์นี้ มีที่มาจากรัฐเมน (Maine) ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของมัน ส่วนคำว่า คูน (Coon) มาจากคำบอกเล่าของชาวพื้นเมืองที่กล่าวว่า แมวบ้านเผลอไปกุ๊กกิ๊กกับตัวแรคคูน (Raccoon) จนมีการจับ 2 คำนี้มารวมกัน กลายเป็นชื่อที่ใช้เรียกกันทั่วไปว่า เมนคูน (Main Coon)
แมวพันธุ์เมนคูน คือ รูปร่างที่สมส่วน ดูสง่างาม และให้ความรู้สึกที่มั่นคงแข็งแรง หากเป็นแมวโตเต็มที่ ร่างกายของมันจะมีความยาวตั้งแต่หัวจรดปลายหางประมาณ 1 เมตร น้ำหนักตัวอยู่ที่ประมาณ 12-15 กิโลกรัม ถึงแมวเมนคูนจะมีโครงสร้างใหญ่ ใบหน้าเหมือนกับแมวป่า มีแผงคอคล้ายสิงโต แถมบริเวณปลายหูยังมีเส้นขนงอกออกมา แต่มันกลับมีนิสัยขี้อ้อน ขี้เล่น ร่าเริง ตั้งแต่เด็กไปจนถึงวัยเจริญพันธุ์
การเลี้ยงดูแมวเมนคูน
อายุขัยของแมวพันธุ์อยู่ที่ราว ๆ 15 ปี เหมือนแมวทั่วไป แต่เนื่องจากร่างกายที่ค่อนข้างใหญ่โต ดังนั้นเจ้าของควรเสริมด้วยเนื้อสัตว์ที่มีโปรตีนสูง ไขมันต่ำ เพื่อช่วยสร้างกล้ามเนื้อให้กับมัน
ส่วนขนของแมวเมนคูนค่อนข้างหวีง่าย เนื่องจากเป็นแมวกึ่งขนยาว จึงไม่มีปัญหาขนพันกันเพียงแต่ควรจะอาบน้ำให้มันอย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง และหลังการอาบน้ำทุกครั้ง ควรจะเช็ดพร้อมกับเป่าขนให้แห้งสนิท เพื่อป้องกันโรคเชื้อราบนผิวหนัง
แมวพันธุ์เมนคูน คือ รูปร่างที่สมส่วน ดูสง่างาม และให้ความรู้สึกที่มั่นคงแข็งแรง หากเป็นแมวโตเต็มที่ ร่างกายของมันจะมีความยาวตั้งแต่หัวจรดปลายหางประมาณ 1 เมตร น้ำหนักตัวอยู่ที่ประมาณ 12-15 กิโลกรัม ถึงแมวเมนคูนจะมีโครงสร้างใหญ่ ใบหน้าเหมือนกับแมวป่า มีแผงคอคล้ายสิงโต แถมบริเวณปลายหูยังมีเส้นขนงอกออกมา แต่มันกลับมีนิสัยขี้อ้อน ขี้เล่น ร่าเริง ตั้งแต่เด็กไปจนถึงวัยเจริญพันธุ์
การเลี้ยงดูแมวเมนคูน
อายุขัยของแมวพันธุ์อยู่ที่ราว ๆ 15 ปี เหมือนแมวทั่วไป แต่เนื่องจากร่างกายที่ค่อนข้างใหญ่โต ดังนั้นเจ้าของควรเสริมด้วยเนื้อสัตว์ที่มีโปรตีนสูง ไขมันต่ำ เพื่อช่วยสร้างกล้ามเนื้อให้กับมัน
ส่วนขนของแมวเมนคูนค่อนข้างหวีง่าย เนื่องจากเป็นแมวกึ่งขนยาว จึงไม่มีปัญหาขนพันกันเพียงแต่ควรจะอาบน้ำให้มันอย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง และหลังการอาบน้ำทุกครั้ง ควรจะเช็ดพร้อมกับเป่าขนให้แห้งสนิท เพื่อป้องกันโรคเชื้อราบนผิวหนัง
วันพฤหัสบดีที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2558
8.แมวเอ็กโซติก (Exotic)
แมวหน้าบูด จมูกหัก แต่น่ารักไม่แพ้ใคร เพราะสืบเชื้อสายมาจากแมว 2 สายพันธุ์ ระหว่างแมวเปอร์เซียกับแมวอเมริกัน ช็อตแฮร์ จนกลายมาเป็นแมวเอ็กโซติก หลากหลายรูปแบบ อาทิ Exotic Blue Tabby, Exotic Red Tabby, Exotic Cream Tabby
แมวพันธุ์ Exotic ถูกพัฒนาสายพันธุ์ให้มีลักษณะทุกอย่างเหมือนกับ แมวเปอร์เซีย ไม่ว่าจะเป็นลักษณะหัวกลม กะโหลกใหญ่ ใบหูเล็กกลม จมูกหักเล็กน้อย ยกเว้นอยู่หนึ่งอย่างที่เป็นลักษณะเด่นของ Exotic ก็คือ ขนที่หนา แน่น นุ่มสั้นคล้ายกับกำมะหยี่ ที่สำคัญขนอันสวยงามของแมวพันธุ์ Exotic ยังต้องการการบำรุงรักษาน้อยกว่าแมวเปอร์เซียโดยทั่ว ๆ ไป เพราะไม่จับตัวเป็นก้อนหรือพันกันยุ่งเหยิง อุปนิสัยก็คลายกับแมวเปอร์เซีย
แมวพันธุ์ Exotic ถูกพัฒนาสายพันธุ์ให้มีลักษณะทุกอย่างเหมือนกับ แมวเปอร์เซีย ไม่ว่าจะเป็นลักษณะหัวกลม กะโหลกใหญ่ ใบหูเล็กกลม จมูกหักเล็กน้อย ยกเว้นอยู่หนึ่งอย่างที่เป็นลักษณะเด่นของ Exotic ก็คือ ขนที่หนา แน่น นุ่มสั้นคล้ายกับกำมะหยี่ ที่สำคัญขนอันสวยงามของแมวพันธุ์ Exotic ยังต้องการการบำรุงรักษาน้อยกว่าแมวเปอร์เซียโดยทั่ว ๆ ไป เพราะไม่จับตัวเป็นก้อนหรือพันกันยุ่งเหยิง อุปนิสัยก็คลายกับแมวเปอร์เซีย
เป็นแมวที่ซื่อสัตย์ต่อเจ้าของ ไม่ค่อยหงุดหงิด และอดทน แต่หากมันต้องการความสนใจขึ้นมา ก็จะทำแค่นั่งอยู่หน้าคุณ กระโดดมานั่งบนตัก หรือเอาจมูกชื้น ๆ ของมันมาแตะที่หน้าคุณเท่านั้น นอกจากนี้ยังพบว่า แมวพันธุ์เอ็กโซติกบางตัวอาจจะชอบนั่งอยู่บนไหล่และกอดคุณเวลาคุณเล่นด้วย
การเลี้ยงดูแมวเอ็กโซติก
การเลี้ยงดูแมวเอ็กโซติก
การดูแลแมวพันธุ์นี้ง่ายมากค่ะ สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลสัตว์เลี้ยงแต่อยากเลี้ยงแมวมากๆ แค่เลี้ยงมันไว้ในบ้าน ดูแลหลังเลิกงาน ที่สำคัญขนอันสวยงามของแมวพันธุ์นี้ ยังต้องการการบำรุงรักษาน้อยกว่าแมวเปอร์เซียทั่ว ๆ ไป เพราะไม่ค่อยจับตัวเป็นก้อนหรือพันกันยุ่งเหยิงอีกด้วย
วันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2558
7.แมวบริติช ชอร์ตแฮร์ (British Shorthair)
แมวบริติช ชอร์ตแฮร์ แต่เดิมเป็นแมวที่มีพื้นเพมาจากประเทศอังกฤษ ซึ่งได้รับความนิยมและเลี้ยงกันอย่างแพร่หลายทั้งในอังกฤษรวมถึงประเทศในแถบยุโรปเกือบทั้งหมด เป็นแมวสายพันธุ์แท้อีกสายพันธุ์หนึ่งที่อยู่คู่กับบ้านเรือนและมนุษย์เรามาหลายร้อยปี แมวบริติช ชอร์ตแฮร์ เป็นแมวที่ได้รับการยอมรับจากหลายสมาพันธ์แมวทั่วโลก โดยอิงมาตรฐานที่สำคัญมาจาก GCCF (Governing Council of the Cat Fancy) ในประเทศอังกฤษ และในปัจจุบัน เนื่องจากมันเป็นแมวที่มีลักษณะกะทัดรัด สมดุลดี แข็งแรง หน้าอกเต็มและกว้าง ขาสั้น อุ้งเท้ากลม หางหนาและกลมหัวกลมรับกับหูขนาดเล็ก คอสั้น แก้มกลมยุ้ย คางหนา ดวงตากลมเบิกกว้าง จมูกค่อนข้างสั้นตั้งตรง คางต้องแข็งแรง ขนหนา และยังมีความเฉลียวฉลาด จึงเป็นที่ชื่นชอบของผู้ฝึกสัตว์ เพื่อใช้ในการโฆษณาทางโทรทัศน์หรือเข้าฉากในภาพยนตร์ของฮอลลีวูด
การเลี้ยงดูแมวบริติช ชอร์ตแฮร์
แมวบริติช ชอร์ตแฮร์เป็นแมวที่ดูแลง่าย ควรเลี้ยงไว้ในบ้าน แมวบริติช ชอร์ตแฮร์ เป็นแมวที่มีพัฒนาการการเจริญเติบโตช้าอยู่สักหน่อย แต่ความสมบูรณ์และความสวยงามของมันจะอยู่คู่กับแมวไปตลอดเกือบชั่วอายุขัยของมันคือ อายุเฉลี่ยประมาณ 15-20 ปี เลยที่เดียวค่ะ
วันศุกร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2558
6.แมวขาวมณี Khao manee)
การเลี้ยงดูแมวขาวมณี
ส่วนมากมักจะนิยมเลี้ยงเป็นคู่ เพื่อให้พวกมันพลัดกันเลียขนเพื่อทำความสะอาด แมวพันธุ์นี้เป็นแมวเชื่อง และเชื่อฟังคำสั่งเจ้าของ จึงเหมาะกับการเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนแก้เหงาได้ดีเลยทีเดียว
5.แมวโคราช (Korat)
แมวพันธุ์นี้มีชื่อเรียกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น แมวมาเลศ แมวดอกเลา หรือแมวสีสวาด มีขนเรียบ ส่วนปลายขนเป็นสีเงินประกายคล้ายหยดน้ำค้างบนใบบัว และเป็นสีเช่นนี้ตลอดทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดปลายหาง ส่วนใบหน้า มองดูจากด้านหน้าจะเห็นเป็นรูปหัวใจ หน้าผากใหญ่และแบน หูตั้ง ปลายหูมน โคนหูใหญ่ ส่วนแมวตัวผู้บริเวณหน้าผากจะมีรอยหยักทำให้เห็นเป็นรูปหัวใจเด่นชัดมากขึ้น ผิวหนังที่บริเวณจมูกและริมฝีปาก จะเป็นสีเงินหรือม่วงอ่อน และที่สำคัญเป็นแมวมงคลของไทยอีกพันธุ์หนึ่ง ที่ได้รับพระราชทานชื่อมาจาก สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 5 ตามแหล่งกำเนิดของแมวพันธุ์นี้ ซึ่งพบใน อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ชื่อเสียงของแมวโคราชโด่งดังไปทั่วโลก หลังจากชนะเลิศงานประกวดประจำปีที่สหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ.1966
วันพฤหัสบดีที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
4. แมววิเชียรมาศ (Siamese)
"แมววิเชียรมาศ" เป็นแมวไทยชนิดแรกที่ชาวต่างชาติรู้จักและตั้งชื่อว่า "Siamese Cat" แมววิเชียรมาศเป็นแมวไทยโบราณ ในสมุดข่อยยกย่องให้เป็นแมวให้ลาภ ใครเลี้ยงไว้จะได้เป็นขุนนาง ชื่อแมววิเชียรมาศ มีความหมายว่า "เพชรแห่งดวงจันทร์" หรือ "Moon Diamond" บางตำราก็เรียก "แมวแก้ว" ใสมัยก่อนจะนิยมเลี้ยงกันในวังเป็นส่วนใหญ่
ลักษณะทั่วไปและพฤติกรรมของแมววิเชียรมาศ
ลักษณะทั่วไปและพฤติกรรมของแมววิเชียรมาศ
แมววิเชียรมาศ เป็นแมวที่มีแต้มสีน้ำตาลเข้มอยู่ 9 จุดบนตัว ได้แก่ ที่ปลายเท้าทั้งสี่ ปลายหูทั้งสอง ปลายหาง บนจมูก และที่อวัยวะเพศ เมื่อตอนยังเล็กจุดจะไม่ใหญ่มาก ลำตัวเป็นสีครีม แต่จุดจะขยายใหญ่ขึ้นตามอายุจนมีสีน้ำตาลเกือบทั้งหมด พันธุ์แท้จะต้องมีนัยน์ตาสีฟ้าเป็นประกายสดใส
ปัจจุบันคนไทย มักเข้าใจผิดเรียกว่า แมววิเชียรมาศ คือแมวชนิดเดียวกันกับ "แมวเก้าแต้ม" เนื่องจากมีลักษณะและลวดลายคล้ายกันมาก แต่ที่จริงแล้ว "แมวเก้าแต้ม" เป็นชื่อของแมวไทยอีกชนิดหนึ่งที่สูญพันธุ์ไปแล้ว
การดูแลแมววิเชียนมาศ
ปัจจุบันคนไทย มักเข้าใจผิดเรียกว่า แมววิเชียรมาศ คือแมวชนิดเดียวกันกับ "แมวเก้าแต้ม" เนื่องจากมีลักษณะและลวดลายคล้ายกันมาก แต่ที่จริงแล้ว "แมวเก้าแต้ม" เป็นชื่อของแมวไทยอีกชนิดหนึ่งที่สูญพันธุ์ไปแล้ว
การดูแลแมววิเชียนมาศ
ตอนกลางวันควรให้แมวอยู่อย่างอิสระในบ้านหรือนอกบ้านก็ได้ ตอนกลางคืนควรขังรวมกันไว้ในกรง กรงแมวต้องมีขนาดใหญ่ การเลี้ยงแมวในบ้าน แมวจะชอบขับถ่ายในที่ๆมีกลิ่นเหม็นหรือเป็นจุดอับ หากต้องการให้แมวขับถ่ายเป็นที่เป็นทาง ควรเตรียมกระบะทรายหรือขี้เถ้าไว้ในบ้านด้วย สำหรับแมวตัวผู้ที่โตแล้ว จะขับถ่ายไม่เลือกที่
ส่วนอาหาร แมววิเชียรมาศ เป็นสัตว์กินเนื้อ เป็นนักล่า ดังนั้น อาหารที่ให้ต้องมีคุณค่าทางสารอาหารครบถ้วน ควรให้วันละ 2 มื้อ คือ เช้า และเย็น สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือน้ำสะอาดที่ต้องใส่ภาชนะตั้งไว้
ส่วนอาหาร แมววิเชียรมาศ เป็นสัตว์กินเนื้อ เป็นนักล่า ดังนั้น อาหารที่ให้ต้องมีคุณค่าทางสารอาหารครบถ้วน ควรให้วันละ 2 มื้อ คือ เช้า และเย็น สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือน้ำสะอาดที่ต้องใส่ภาชนะตั้งไว้
3. แมวสก็อตติช โฟลด์ (Scottish Fold)
แมวพันธุ์สก็อตติชโฟลด์ตัวแรกที่ถูกค้นพบ คือ Susie ค้นพบในปี ค.ศ. 1961 ที่ประเทศสก็อตแลนด์ แต่ในตอนนั้นยังไม่มีใครทราบชื่อสายพันธุ์ที่แท้จริง เนื่องจากลักษณะของ Susie มีใบหูพับ และยังมีใบหน้าที่คล้ายกับนกฮูก ซึ่งหลังจากที่ Susie ให้กำเนิดลูกแมวน้อยหูพับ 2 ตัว William Ross ชายเลี้ยงแกะ ซึ่งเป็นผู้ค้นพบคนแรกก็ได้นำลูกแมวตัวเมียไปเลี้ยง หลังจากที่ลูกแมวตัวนั้นโตขึ้น ได้นำไปผสมพันธุ์กับ บริติช ชอร์ตแฮร์ จนกลายเป็นต้นกำเนิดของสายพันธุ์นี้ และได้รับการจดทะเบียนอย่างถูกต้องที่รับรองโดย The Governing Council of the Cat Fancy ของประเทศอังกฤษ
ลักษณะและนิสัยของเจ้าแมวสก็อตติชโฟลด์
ลักษณะและนิสัยของเจ้าแมวสก็อตติชโฟลด์
แมวพันธุ์ Scottish Fold จะมีลักษณะตัวกลม หัวกลม มีช่วงคอสั้น ดวงตากลมใหญ่ มีช่องกว้าง และแสดงออกถึงความสดใส ความหวาน พวก Fold นี้ สามารถมีหูที่มีลักษณะตั้งตรงขนาดกลางได้ไปจนถึง หูพับขนาดเล็ก ที่มีมุมพับกว้าง ปลายหูส่วนใหญ่จะกลม มีคางที่กลมมน จมูกสั้นโค้งกว้าง เพื่อรับกับดวงตา บางครั้งปากจะโค้งรับกับคางที่โค้งทำให้ ได้ฉายาว่า smiling cat
แมวพันธุ์ Scottish Fold มี 2 แบบ คือ แบบ Shorthair และ Longhair พวก Longhaired Scottish Fold มีขนยาวขนาดกลาง ในตัวผู้มีขนหางเป็นพวงใหญ่ที่สวยงาม สีของสายพันธุ์นี้ สามารถพบได้หลายสี โดยเฉพาะสีน้ำตาล และสีขาว เป็นสีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
การดูแลแมวสก็อตติชโฟลด์
แมวพันธุ์ Scottish Fold มี 2 แบบ คือ แบบ Shorthair และ Longhair พวก Longhaired Scottish Fold มีขนยาวขนาดกลาง ในตัวผู้มีขนหางเป็นพวงใหญ่ที่สวยงาม สีของสายพันธุ์นี้ สามารถพบได้หลายสี โดยเฉพาะสีน้ำตาล และสีขาว เป็นสีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
การดูแลแมวสก็อตติชโฟลด์
การดูแลเจ้าแมวพันธุ์นี้ง่ายมากค่ะ แค่แปรงขนสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งเท่านั้น สำหรับเจ้าพวกขนสั้น ส่วนขนยาวก็แปรงบ่อยขึ้น และควรทำความสะอาดบริเวณหูให้บ่อยกว่ากานแปรงขนเท่านั้น ส่วนเรื่องสุขภาพไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ เพราะว่าแมวสายพันธุ์นี้ส่วนใหญ่สุขภาพสมบูณร์แข็งแรงอยู่แล้วค่ะ
วันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
แมวอเมริกัน ชอร์ตแฮร์
2. แมวอเมริกัน ชอร์ตแฮร์ (American Shorthair)
แมวอเมริกัน ชอร์ตแฮร์ เป็นแมวสายพันธุ์อเมริกา บรรพบุรุษมาจากแถบยุโรปในช่วงเริ่มแรกและมาแพร่พันธุ์ยังอเมริกาเหนือ เมื่อครั้งที่ชาวยุโรปออกเดินทางไปแสวงหาดินแดนใหม่ได้นำแมวลงเรื่อไปด้วยเพื่อให้จับหนู และได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ต่อไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นแมวพื้นบ้านของอเมริกาในที่สุด แล้วด้วยแมวอเมริกัน ชอร์แฮร์นี้มีรูปร่างใหญ่ สุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว ดูสงบ จึงเป็นที่นิยมเลี้ยงกันอีกพันธุ์หนึ่งในโลกของแมวด้วยค่ะ
ส่วนอุปนิสัยของเจ้าแมวพันธุ์นี้จะเป็นแมวที่ขี้สงสัยเป็นที่สุด นิสัยร่าเริง ชอบเล่น มีเสน่ห์ แต่เป็นแมวที่ค่อนข้างจะสอนยากมากๆ ดังนั้นถ้าหากเป็นไปได้เจ้าของแมวพันธุ์นี้ควรมีเวลาเล่นและคลุคลีอยู่กับแมวมากๆนะคะ
การเลี้ยงดูแมวอเมริกัน ชอร์ตแฮร์
ส่วนอุปนิสัยของเจ้าแมวพันธุ์นี้จะเป็นแมวที่ขี้สงสัยเป็นที่สุด นิสัยร่าเริง ชอบเล่น มีเสน่ห์ แต่เป็นแมวที่ค่อนข้างจะสอนยากมากๆ ดังนั้นถ้าหากเป็นไปได้เจ้าของแมวพันธุ์นี้ควรมีเวลาเล่นและคลุคลีอยู่กับแมวมากๆนะคะ
การเลี้ยงดูแมวอเมริกัน ชอร์ตแฮร์
แมวสายพันธุ์อเมริกาขาสั้นนี้ส่วนใหญ่จะมีปัญหาที่ชอบเป็นเชื้อราและเป็นหวัดง่าย ฉะนั้นเจ้าของควรพาแมวไปตรวจสุขภาพและฉีดวัคซีนเป็นประจำ เพราะถ้าไม่ดูแลจะเลี้ยงลำบาก ส่วนปัญหาเรื่องขนร่วงมีน้อยมาก โดยจะร่วงเฉพาะในช่วงเวลาผลัดขนปีละ 2 ครั้งเท่านั้น
วันเสาร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2558
10อันดับสายพันธุ์แมวยอดนิยม
1.แมวเปอร์เซีย (persian)
แมวเปอร์เซีย ถือเป็นราชินีแมวจากแดนตะวันออกกลาง มีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบเปอร์เซีย หรือประเทศตุรกีกับอิหร่านในปัจจุบันนั้นเอง สิ่งที่ทำให้แมวสายพันธุ์นี้เป็นที่นิยมในหมู่คนรักแมวนั้น เพราะแมวพันธุ์นี้มีขนที่นุ่มปุกปุย มีหน้าตาน่าเอ็นดู ดวงตากลมโตแบบแบ๊วๆ มีหลากหลายสีขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ รวมถึงหน้าตาก็มีหลายแบบ และยังมีนิสัยอ่อนโยน เข้ากับคนง่าย ร่าเริงซุกซน ชอบประจบประแจง และมีไหวพริบ ซึ่งแมวพันธุ์นี้เป็นแมวต่างประเทศที่ถูกนำเข้ามาเผยแพร่ในประเทศไทยเป็นพันธุ์แรกด้วย
การเลี้ยงดูแมวเปอร์เซีย
เมื่อตัดสินใจจะเลี้ยงแมวพันธุ์นี้ สิ่งที่ควรดูแลเป็นอย่างแรกก็คือ ขนของเจ้าแมวเปอร์เซียนั้นเองค่ะ ควรหมั่นทำความสะอาดแปรงและสางขนอย่างสม่ำเสมอ เพราะว่าจะช่วยป้องกันการเกิดขนพันกัน ซึ่งอาจกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรค รวมทั้งพยาธิต่าง ๆ ที่จะเป็นสาเหตุของโรคผิวหนังอักเสบและเป็นที่อยู่ของเห็บหมัดอีกด้วย
ส่วนเรื่องอาหาร ควรเลือกอาหารที่ช่วยให้ทางเดินอาหารของแมวไม่อุดตัน เนื่องจากแมวเปอร์เซียจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเลียทำความสะอาดขน อันเป็นสาเหตุในการกินหรือกลืนขนของตัวเองเข้าไปเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดการสำรอกและมีปัญหาของระบบย่อยอาหารได้
สายพันธุ์แมวเปอร์เซีย
แมวเปอร์เซียมีทั้งหมด 7 สายพันธ์
1.Solid colour ขนจะเป็นสีเดียวตลอดตัว ไม่ควรมีสีอื่นแซมเลย สีจะต้องเสมอกันตลอด เช่น white ขนสีขาวบริสุทธิ์, blue ขนสีเทาเข้ม, black สีขนดำสนิท, red ขนสีแดงเข้มและสดใส, cream ขนสีครีมเข้ม, chocolate ขนสีน้ำตาสช็อกโกแลต, lilac ขนสีลาเวนเดอร์
2.Sliver&Golden ตาจะเป็นสีเขียวหรือสีเขียวอมน้ำเงินเท่านั้น
3.Shade&Smoke จะมีสีขน 3 แบบ คือแบบ Shell จะมีสีที่ปลายขนเพียงเล็กน้อย แบบ Shade จะมีส่วนที่เป็นสีมากกว่า และแบบ Smoke จะมีสีมากกว่าแบบ Shade
4.Tabby จะมีลวดลายที่เป็นที่ยอมรับอยู่ 2 แบบ คือ Classic และ Mackerel
5.Parti-colour จะเกิดขึ้นเฉพาะเพศเมียเท่านั้น อันสืบเนื่องมาจากการสืบทอดทางโครโมโซม
6.Calico & Bi-Color สีทั่วไปตาจะเป็นสีทองแดง ถ้าเป็นตาสองสีตาข้างหนึ่งจะเป็นสีฟ้า อีกข้างเป็นสีทองแดง ความเข้มของสีตาทั้งสองข้างเท่าๆ กัน
7.Himalayan เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างแมวไทยวิเชียรมาสกับแมวเปอร์เซีย จะมีลักษณะแต้มสีตำแหน่งเดียวกับแมววิเชียรมาส คือหูทั้งสองข้าง ที่หน้าครอบเหมือนหน้ากาก ขาทั้งสี่ ตาสีฟ้าสดใส
แมวเปอร์เซีย ถือเป็นราชินีแมวจากแดนตะวันออกกลาง มีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบเปอร์เซีย หรือประเทศตุรกีกับอิหร่านในปัจจุบันนั้นเอง สิ่งที่ทำให้แมวสายพันธุ์นี้เป็นที่นิยมในหมู่คนรักแมวนั้น เพราะแมวพันธุ์นี้มีขนที่นุ่มปุกปุย มีหน้าตาน่าเอ็นดู ดวงตากลมโตแบบแบ๊วๆ มีหลากหลายสีขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ รวมถึงหน้าตาก็มีหลายแบบ และยังมีนิสัยอ่อนโยน เข้ากับคนง่าย ร่าเริงซุกซน ชอบประจบประแจง และมีไหวพริบ ซึ่งแมวพันธุ์นี้เป็นแมวต่างประเทศที่ถูกนำเข้ามาเผยแพร่ในประเทศไทยเป็นพันธุ์แรกด้วย
การเลี้ยงดูแมวเปอร์เซีย
เมื่อตัดสินใจจะเลี้ยงแมวพันธุ์นี้ สิ่งที่ควรดูแลเป็นอย่างแรกก็คือ ขนของเจ้าแมวเปอร์เซียนั้นเองค่ะ ควรหมั่นทำความสะอาดแปรงและสางขนอย่างสม่ำเสมอ เพราะว่าจะช่วยป้องกันการเกิดขนพันกัน ซึ่งอาจกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรค รวมทั้งพยาธิต่าง ๆ ที่จะเป็นสาเหตุของโรคผิวหนังอักเสบและเป็นที่อยู่ของเห็บหมัดอีกด้วย
ส่วนเรื่องอาหาร ควรเลือกอาหารที่ช่วยให้ทางเดินอาหารของแมวไม่อุดตัน เนื่องจากแมวเปอร์เซียจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเลียทำความสะอาดขน อันเป็นสาเหตุในการกินหรือกลืนขนของตัวเองเข้าไปเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดการสำรอกและมีปัญหาของระบบย่อยอาหารได้
สายพันธุ์แมวเปอร์เซีย
แมวเปอร์เซียมีทั้งหมด 7 สายพันธ์
1.Solid colour ขนจะเป็นสีเดียวตลอดตัว ไม่ควรมีสีอื่นแซมเลย สีจะต้องเสมอกันตลอด เช่น white ขนสีขาวบริสุทธิ์, blue ขนสีเทาเข้ม, black สีขนดำสนิท, red ขนสีแดงเข้มและสดใส, cream ขนสีครีมเข้ม, chocolate ขนสีน้ำตาสช็อกโกแลต, lilac ขนสีลาเวนเดอร์
2.Sliver&Golden ตาจะเป็นสีเขียวหรือสีเขียวอมน้ำเงินเท่านั้น
3.Shade&Smoke จะมีสีขน 3 แบบ คือแบบ Shell จะมีสีที่ปลายขนเพียงเล็กน้อย แบบ Shade จะมีส่วนที่เป็นสีมากกว่า และแบบ Smoke จะมีสีมากกว่าแบบ Shade
4.Tabby จะมีลวดลายที่เป็นที่ยอมรับอยู่ 2 แบบ คือ Classic และ Mackerel
5.Parti-colour จะเกิดขึ้นเฉพาะเพศเมียเท่านั้น อันสืบเนื่องมาจากการสืบทอดทางโครโมโซม
6.Calico & Bi-Color สีทั่วไปตาจะเป็นสีทองแดง ถ้าเป็นตาสองสีตาข้างหนึ่งจะเป็นสีฟ้า อีกข้างเป็นสีทองแดง ความเข้มของสีตาทั้งสองข้างเท่าๆ กัน
7.Himalayan เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างแมวไทยวิเชียรมาสกับแมวเปอร์เซีย จะมีลักษณะแต้มสีตำแหน่งเดียวกับแมววิเชียรมาส คือหูทั้งสองข้าง ที่หน้าครอบเหมือนหน้ากาก ขาทั้งสี่ ตาสีฟ้าสดใส
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)